มิชลิน สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ในการส่งพลังหนุน “มาร์เกซ” คว้าตำแหน่งแชมป์ในประเทศไทย
มิชลิน เกาะติดขอบสนามเฝ้าดูชัยชนะในศึกการแข่งขันโมโตจีพี™ ชิงแชมป์โลก ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ในการแข่งขันครั้งนี้รอบสุดท้ายมาร์ก มาร์เกซ (เรปโซล ฮอนด้า) บิดแซงโค้งสุดท้ายรักษาตำแหน่งแชมป์พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เอาไว้ได้แบบสุดระทึก ซึ่งในส่วนของบริษัทยางรถยนต์สัญชาติฝรั่งเศสเองก็สามารถทุบทำลายทุกสถิติเก่าได้เช่นกันในช่วงสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน
หลังจากขึ้นรั้งอันดับสองในกริดได้ มาร์เกซเร่งสปีดไล่กวดตามหลังฟาบิโอ กวาร์ตาราโร่ (ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที) เจ้าของตำแหน่งโพลไปติดๆ แม้ว่าเขาจะเป็นรุกกี้หน้าใหม่แต่นักบิดจากยามาฮ่าผู้นี้ก็เพิ่งทำสถิติสูงสุดรอบสนามขนาด 4,554 เมตรในรอบควอลิฟายคว้าตำแหน่งโฮลช็อตออกนำหน้าไปหมาดๆ ที่สนามบุรีรัมย์หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ระหว่างแข่งขันทั้งสองไล่เบียดกระชั้นชิดผลัดกันทำความเร็วต่อรอบสูงสุดคู่กันมาตลอด เหมือนเป็นการโชว์สมรรถนะของยางมิชลินพาวเวอร์ สลิค ให้เห็นกันแบบจะจะจนในที่สุดมาร์เกซเลี้ยวโค้งแซงหน้าเข้าเส้นชัยไปได้อย่างรวดเร็วสร้างสถิติเวลาต่อรอบสนามเร็วที่สุดในรอบที่ 11 และเมื่อใกล้รอบสุดท้ายของการแข่งขันนั้้นมาร์เกซเริ่มแผลงฤทธิ์ทำเอาการแข่งขันมันหยดลุ้นกันสุดระทึก เนื่องจากเขาสามารถเร่งสปีดขึ้นแซงได้ แต่นักบิดจากฝรั่งเศสก็เอาคืนและชิงทะยานเข้าโค้งสุดท้ายไปได้ก่อน แต่ด้วยประสบการณ์ของแชมป์เก่าในขณะที่ขับเคี่ยวกันอย่างสูสีนั้นมาร์เกซสบจังหวะเหมาะบวกกับมียางมิชลินที่ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยมทำให้เขาสามารถเบียดแซงในโค้งสุดท้ายคว้าชัยรักษาตำแหน่งแชมป์ไว้ได้อย่างหวุดหวิด ส่วนกวาร์ตาราโร่ตามหลังมาติดๆ เป็นอันดับที่ 2 เป็นนักบิดจากทีมอิสระคนแรกที่เข้าเส้นชัยโชว์ศักยภาพได้อย่างสมเกียรติในแมทช์นี้ และยังมีคะแนนนำเป็นอันดับ 1 ในกลุ่มรุกกี้ด้วย
ในวันแรกของสุดสัปดาห์ที่บุรีรัมย์อากาศร้อนสลับกับมีแดดจ้า ทำให้สามารถทำเวลาต่อรอบได้เร็วในสองรอบแรก ซึ่งนักบิดทั้งหมดต่างก็ได้ทดลองยางมิชลิน พาวเวอร์ สลิค เนื้อยางแบบต่างๆ เพื่อตัดสินเลือกชนิดที่ดีที่สุดสำหรับใช้ในวันแข่งขัน และปีนี้เป็นปีแรกที่ยางมิชลิน พาวเวอร์ เรน ถูกนำมาใช้ในสนามแข่งในประเทศไทยด้วย เนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักในช่วงเช้าของวันเสาร์ทำให้สนามที่ใช้ในการซ้อมครั้งที่ 3 นั้นเปียกแฉะ ผู้เข้าแข่งขันทั้งหมดจึงมีโอกาสได้ทดลองใช้ยางสำหรับพื้นเปียกหรือ Rain Tyres เนื้อยางแบบต่างๆ เพื่อประเมินสมรรถนะบนสนามราดยางมะตอยที่บุรีรัมย์ และโชคดีที่สนามแห้งสนิททันการแข่งในช่วงบ่ายทำให้ได้เห็นกวาร์ตาราโร่ทำลายสถิติใหม่ในรอบควอลิฟาย โดยทั้งกวาร์ตาราโร่ มาร์เกซ และมาเวริค บีญาเลส (มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโต จีพี) ต่างก็สามารถทำเวลาได้ดีกว่าที่เคย ส่วนในวันแข่งขันจริงนั้นแม้อากาศจะแห้งและมีแดด แต่ก็พอมีเมฆอยู่บ้างโดยวัดอุณหภูมิสนามได้ที่ 48 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับการยึดเกาะและการแสดงให้เห็นถึงสมรรถนะที่ดีเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอของยางมิชลิน พาวเวอร์ สลิค ล้อหลังชนิดเนื้อยางนิ่ม นักแข่งทั้งหมดจึงพร้อมใจกันเลือกใช้ยางชนิดนี้ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการพิสูจน์สมรรถนะของยางรุ่นนี้ได้เป็นอย่างดีเพราะสถิติการแข่งขันโดยรวมนั้นดีขึ้นเกือบ 20 วินาที แต่ก็ยังไม่ใช่การทำลายสถิติเพียงครั้งเดียวในสุดสัปดาห์นี้เพราะดานิโล เปตรุสซี่ สามารถทำความเร็วสูงสุดในการซ้อมรอบ 2 ด้วยเวลา 332.3 กิโลเมตร/ชั่วโมง และผลการแข่งขันครั้งนี้ปรากฏว่าบีญาเลสได้ขึ้นครองโพเดี้ยมเป็นอันดับสุดท้าย ตามด้วยอันเดรีย โดวิซิโอโซ่ (ทีมดูคาติ) เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 4 อเล็กซ์ รินส์ (ทีมซูซูกิ เอ็คสตาร์) อันดับที่ 5 ฟรานโก มอร์บิเดลลี (ปิโตรนาส ยามาฮ่า เอสอาร์ที) อันดับที่ 6 และโจอัน เมียร์ (ทีมซูซูกิ เอ็คสตาร์) เข้าเส้นชัยเป็นอันดับที่ 7 วาเลนติโน รอสซี่ (มอนสเตอร์ เอเนอร์จี้ ยามาฮ่า โมโต จีพี) เข้าเป็นอันดับที่ 8 เปตรุสซี่ อันดับที่ 9 และทาคาอากิ นาคากามิ (แอลซีอาร์ ฮอนด้า) เข้าเป็นอันดับสุดท้ายของกลุ่มท็อปเทน
ผู้ชมจำนวน 95,352 คนบนแกรนด์สแตนด์รอบสนามแข่งต่างร่วมเป็นสักขีพยานในวินาทีที่มาร์เกซคว้าแชมป์กรังด์ปรีซ์ไปครองเป็นสมัยที่ 8 และยังเป็นแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพีเป็นสมัยที่ 6 ด้วย โดยครั้งนี้เป็นการครองแชมป์โลก 4 สมัยติดต่อกันของมาร์เกซ ซึ่งทั้งมาร์เกซและนักบิดเจ้าของแชมป์รุ่นพรีเมียร์ในประวัติศาสตร์อย่างไมค์ เฮลวูด, เจียโคโม อะโกสตินี่, มิค ดูฮาน และรอสซี่ ต่างก็เลือกใช้ยางมิชลินเช่นเดียวกัน นอกจากนี้ การที่แชมป์ชาวสเปนคว้าชัยครั้งนี้ นับเป็นครั้งที่ 30 แล้วที่ตำแหน่งแชมป์รุ่นพรีเมียร์ตกเป็นของนักบิดที่เลือกใช้ยางมิชลิน
จากนี้มิชลินจะกลับฐานที่ยุโรปช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะเดินทางออกทัวร์ในกลุ่มประเทศแถบมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ เริ่มต้นด้วยรายการโมตุลกรังด์ปรีซ์ออฟเจแปนที่สนามทวินริงโมเตกิ ประเทศญี่ปุ่น ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม และหลังจากนั้นจะไปที่ออสเตรเลียและมาเลเซียตามลำดับ
มาร์ก มาร์เกซ – ทีมเรปโซล ฮอนด้า
“ผมมีความสุขกับการแข่งครั้งนี้มากเพราะเราได้ชัยชนะมาครอง! การชนะเป็นเรื่องน่ายินดีและผมกับมิชลินได้ตำแหน่งแชมป์มา 4 ปีติดต่อกันแล้ว มันวิเศษมากและผมก็ทราบมาว่านี่เป็นแชมป์ครั้งที่ 30 ของมิชลินในรุ่นพรีเมียร์ด้วย ผมดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของมิชลิน มันเป็นฤดูการแข่งขันที่เยี่ยมยอดและพวกเรารู้จักกับยางต่างๆ เป็นอย่างดีเพราะมีการทำงานร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่เทคนิคกันเยอะมาก คลีเมนต์ และปีเอโร ดูแลนักแข่งทุกคนอย่างดีมากๆ และรู้ดีว่าพวกเราต้องการอะไร ซึ่งมันเป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันชิงแชมป์ครั้งนี้”
ปิเอโร ทารามัสโซ่ – ผู้จัดการฝ่ายมอเตอร์สปอร์ต ผลิตภัณฑ์ 2 ล้อของมิชลิน
“เป็นสุดสัปดาห์ที่น่าประทับใจมากสำหรับมิชลิน เราทำลายทุกสถิติและแสดงให้เห็นว่ายางมีส่วนสำคัญกับการแข่งขันเป็นอย่างมาก จะเรียกว่าการทำงานตรงนี้ประสบความสำเร็จด้วยดีก็ได้ แต่เราก็จะไม่หลงระเริงจนชะล่าใจเพราะเราทราบดีว่าเรายังสามารถพัฒนาได้อีก และตอนนี้เราก็มีข้อมูลมากขึ้นหลังจากการแข่งขันปีที่ 2 ที่บุรีรัมย์ ในปีหน้าเราจะกลับมาในช่วงที่เร็วขึ้นกว่านี้และสภาพต่างๆ ก็จะแตกต่างออกไปด้วย ดังนั้นถือว่าเป็นเรื่องดีที่เราได้ทดลองยางทุกประเภทในสุดสัปดาห์นี้เพื่อเฟ้นหาว่าแบบไหนจะช่วยเพิ่มสมรรถนะได้ดีที่สุด จากข้อมูลที่เราได้รับเมื่อปีก่อนทำให้เราสามารถจัดหาเนื้อยางทั้งยางล้อหน้าและล้อหลังที่เหมาะกับนักแข่งทุกคนและเหมาะกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ได้ และเราก็จะศึกษาข้อมูลเพิ่มอีกเพื่อที่ปีหน้าเราจะจัดหาตัวเลือกที่มีความหลากหลาย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้อยู่แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่งมันก็เป็นเรื่องดีถ้านักแข่งทุกคนจะได้เจอสิ่งที่ตอบโจทย์ความต้องการของพวกเขาได้เหมือนๆ กันทั้งสำหรับยางล้อหน้าและยางล้อหลัง”
“มาร์กทำได้ดีมากสำหรับตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 4 ของเขาในครั้งนี้ เขาเป็นนักแข่งที่สุดยอดและแสดงให้เห็นว่าเขารักษาความสามารถได้อย่างคงเส้นคงวามากในฤดูกาลนี้ ในฐานะตัวแทนของมิชลินผมก็ขอแสดงความยินดีกับเขาด้วยที่ได้ตำแหน่งแชมป์สมัยที่ 4 มาครองร่วมกับมิชลิน”